ผศ.ดร. รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่เพียงแต่จะได้รับประโยชน์จากการวางแผนการลงทุน และรอรับเงินก้อนจากการออม ณ วันที่เกษียณอายุเท่านั้น แต่สมาชิกทุกคนยังต้องทำความเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเองด้วย มาดูกันว่าสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีสิทธิและหน้าที่อย่างไรกันบ้าง
1. สมาชิกต้องรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเองในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยต้องจ่าย “เงินสะสม” เป็นประจำทุกเดือนให้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และยังต้องตรวจสอบนายจ้างว่ามีการจ่าย “เงินสมทบ” ตามอัตราที่นายจ้างได้มีการสัญญาไว้กับลูกจ้างอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งนายจ้างแต่ละรายจะมีการกำหนดอัตราเงินสมทบด้วยวิธีที่แตกต่างกัน
2. สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราเงินสะสมของตนเองได้ตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับกองทุน แต่มีข้อกำหนดในกฎหมายว่าอัตราการจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะต้องไม่น้อยกว่า 2% และไม่เกิน 15% ของค่าจ้างในแต่ละเดือน
3. การจ่ายเงินสะสมของสมาชิกเข้าสู่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถนำมาลดหย่อนเงินได้เพื่อคำนวณภาษีในแต่ละปีได้ โดยอัตราการสะสมสูงสุดที่สามารถนำมาลดหย่อนได้คือ 15% ของค่าจ้างในแต่ละเดือน และไม่เกิน 500,000 บาท
4. เมื่อสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพ้นจากการเป็นสมาชิกไม่ว่าจะกรณีใด สมาชิกจะต้องมีสิทธิในการได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเงินสะสมส่วนของสมาชิกทั้งหมดเต็มจำนวน แต่เงินออมในส่วนของเงินสมทบและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้้นจากเงินสมทบนั้น ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพว่าจะมีการกำหนดเงื่อนไขในการได้รับเงินส่วนนี้ไว้อย่างไร
5. สมาชิกมีสิทธิที่จะต้องได้รับรายงานแจ้งยอดเงินสะสม ยอดเงินสมทบ และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในรอบระยะเวลา 6 เดือน และจะต้องรับทราบจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อหน่วยของการลงทุนในกองทุนอย่างชัดเจน หากสมาชิกมีข้อซักถามเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือการจัดการภายในของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกต้องมีหน้าที่ที่จะต้องเข้าร่วมการประชุมสามัญประจำปี ซึ่งเป็นช่องทางแบบเป็นทางการเพื่อรับทราบรายละเอียดต่าง ๆ ด้วยตนเอง
6. สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถเป็นคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ โดยกฎหมายกำหนดให้สมาชิกสามารถเลือกคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนฝ่ายลูกจ้างได้ เพื่อมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของกองทุนและการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการลงทุน หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ของกองทุนได้
7. เมื่อพ้นสมาชิกภาพจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกสามารถตัดสินใจเลือกที่จะคงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมต่อได้ ไม่ว่าสมาชิกจะย้ายงานไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่ที่มีกองทุนอีกแห่ง หรือพ้นสมาชิกภาพเพราะลาออก การคงเงินไว้ในกองทุนต่อไปนี้สมาชิกยังคงมีสิทธิที่จะได้รับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการจัดการของบริษัทจัดการที่บริหารกองทุนดังกล่าวเช่นเดิม เพียงแต่สมาชิกและนายจ้างจะไม่มีภาระต้องจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนอย่างเป็นประจำอีก ซึ่งระยะเวลาในการคงเงินสะสมนั้นต้องไม่น้อยกว่า 90 วัน หรือตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบังคับกองทุน
8. นายจ้างสามารถกำหนดให้สมาชิกสามารถคงเงินต่อไปได้หลังเกษียณอายุ และอนุญาตให้สมาชิกกำหนดจำนวนเงินที่จะถอนจากกองทุนเป็นประจำในแต่ละเดือนได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับสมาชิกในการบริหารเงินภายหลังเกษียณอายุ เป็นการป้องกันกรณีที่สมาชิกได้รับเงินก้อนแล้วบริหารเงินผิดพลาด
9. สิ่งที่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพึงระวังคือ การตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกภาพกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนเกษียณอายุ ถึงแม้จะสามารถทำได้และมีสิทธิในการได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเงินสะสม แต่นายจ้างหลายรายมีการกำหนดเงื่อนไขว่าการลาออกจากกองทุนจะต้องเกิดพร้อมกับการลาออกจากการเป็นลูกจ้างบริษัท หรือหากสมาชิกลาออกจากกองทุนแล้วจะไม่มีสิทธิในการกลับมาเป็นสมาชิกกองทุนได้ดังเดิม
ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์