"นับหนึ่งถึงเจ็ด จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้"
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการด้านการออมและการลงทุนที่นายจ้างมีให้แก่ลูกจ้าง โดยนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนให้ทุกเดือนนอกเหนือจากที่ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนทุกเดือนเช่นกัน
เปรียบเสมือนลูกจ้างได้เงินเพิ่มจากนายจ้างอีกก้อนนอกเหนือจากเงินเดือน
กล่าวได้ว่า นายจ้างที่ให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการ เป็นนายจ้างที่ปรารถนาดี
อยากเห็นลูกจ้างมีเงินไว้ใช้จ่ายในวัยชราภายหลังจากสิ้นสุดการเป็นมนุษย์เงินเดือน
หากจะเริ่มนับหนึ่งจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น
นายจ้างต้องเริ่มจากตรงไหน และมีขั้นตอนอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ
#นับหนึ่ง เช็คความพร้อมของนายจ้างและลูกจ้างก่อนจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี่ยงชีพเกิดจากความตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีความพร้อม
1. ความพร้อมของนายจ้าง : นายจ้างพร้อมจ่ายเงินสมทบเป็นประจำทุกเดือนเข้ากองทุนหรือไม่
โดยตามกฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่
2%-15% ของเงินเดือนของสมาชิก ซึ่งขึ้นกับข้อบังคับกองทุนที่กำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบไว้
รวมถึงนายจ้างต้องเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่แผนกการเงินหรือทรัพยากรบุคคลให้รับผิดชอบการนำส่งเงินเข้ากองทุน
การจัดทำรายงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน นอกจากนี้ นายจ้างต้องพิจารณาประเภทของกองทุนที่จะจัดตั้งว่าจะเลือกเป็นกองทุนเดี่ยว
(single fund) กองทุนหลายนายจ้างของบริษัทในเครือ (group
fund) หรือกองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund) ซึ่งสามารถรับคำปรึกษาจากบริษัทจัดการได้
2.
ความพร้อมของลูกจ้าง : ความรู้ความเข้าใจด้านการออมและการลงทุนของลูกจ้างอยู่ในระดับใด
และลูกจ้างพร้อมจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนทุกเดือนหรือไม่
#นับสอง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุน
คณะกรรมการกองทุนประกอบด้วยกลุ่มบุคคล
2 ฝ่าย ได้แก่ กรรมการกองทุนฝ่ายนายจ้าง (นายจ้างแต่งตั้ง)
และกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้าง (ลูกจ้างเลือกตั้ง) อย่างน้อยฝ่ายละ 1 คน คณะกรรมการกองทุนมีหน้าที่คัดเลือกและทำสัญญากับบริษัทจัดการ
ผู้รับฝากทรัพย์สิน และผู้สอบบัญชี รวมทั้งกำหนดข้อบังคับ เช่น
อัตราเงินสะสมและเงินสมทบ การจ่ายเงินสมทบ และผลประโยชน์เมื่อสิ้นสมาชิกภาพ และประสานงานกับบุคคลอื่น
#นับสาม คัดเลือกบริษัทจัดการ
คณะกรรมการกองทุนจะคัดเลือกบริษัทจัดการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลจากสำนักงาน
ก.ล.ต. มาบริหารเงินสะสมและเงินสมทบในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายการลงทุน
#นับสี่ กำหนดแผนการลงทุน
คณะกรรมการกองทุนจะกำหนดจำนวนและประเภทแผนการลงทุนเพื่อให้สมาชิกเลือกลงทุน
(employee’s choice) โดยแผนการลงทุนที่ดีควรมีความหลากหลายทั้งด้านความเสี่ยงและประเภทสินทรัพย์ ซึ่งแผนการลงทุนแบบสมดุลตามอายุ (target
date หรือ life path) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกพื้นฐานที่มีการจัดสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่สอดคล้องกับอายุ
เพื่อให้สมาชิกเลือกลงทุนตามอายุของตน
#นับห้า จัดทำข้อบังคับกองทุน
คณะกรรมการกองทุนจะจัดทำข้อบังคับกองทุนที่กำหนดขอบเขตและแนวทางการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
โดยข้อบังคับกองทุนจะมีผลบังคับใช้เมื่อจดทะเบียนกับนายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ซึ่งคือสำนักงาน ก.ล.ต.
#นับหก จดทะเบียนจัดตั้งกองทุน
บริษัทจัดการจะเป็นผู้ยื่นเอกสารขอจัดตั้งกองทุน (กรณีตั้งกองทุนใหม่) หรือเพิ่มนายจ้าง (กรณีมีกองทุนแล้ว และต้องการเพิ่มนายจ้างในกองนั้น)
ให้สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาอนุมัติ
#นับเจ็ด ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ลูกจ้าง
1. การส่งเสริมให้ลูกจ้างสมัครเป็นสมาชิกตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างพร้อม
2. การสนับสนุนให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมในอัตราสูงสุดที่ลูกจ้างพร้อม
3.
การกำหนดให้สมาชิกเลือกแผนการลงทุนตามความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง
4. การส่งเสริมให้สมาชิกรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง
เช่น เข้าร่วมประชุมประจำปี ทราบจำนวนครั้งของการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน เป็นต้น
ขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
7 ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการริเริ่มของนายจ้างที่อยากให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการหลักประกันรองรับการเกษียณให้แก่ลูกจ้าง
หรืออีกนัยหนึ่งนั่นคือ การนับหนึ่งถึงเจ็ดจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะสำเร็จได้โดยการเริ่มต้นจากนายจ้างใจดีนั่นเอง
หากนายจ้างท่านใดต้องการศึกษารายละเอียดด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพฝั่งนายจ้างเพิ่มเติม สามารถคลิกเข้าไปได้ที่ https://www.thaipvd.com/Employer/Index
#สำนักงานกลต #กลต #กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
#ProvidentFund #PVD #กองทุนเพื่อการเกษียณ #เกษียณ #thaipvd
