SHARE

สร้างความภักดีต่อองค์กร

การลาออกหรือเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เงินเดือน แต่หากมีลูกจ้างเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ย่อมเป็นภาระและต้นทุนของนายจ้างในการคัดเลือกและพัฒนาบุคลากรใหม่อยู่เสมอ หากมีสวัสดิการที่คอยดึงดูด รักษา และจูงใจลูกจ้างที่มีคุณภาพให้ทำงานกับนายจ้างเป็นระยะเวลานานขึ้น ย่อมเป็นประโยชน์แก่นายจ้าง ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการหนึ่งที่อาจเข้ามาตอบโจทย์และช่วยสร้างความภักดีต่อองค์กรได้ 

ข้อบังคับกองทุนของบริษัทสามารถกำหนดจำนวนปีที่ทำงานหรืออายุงานของลูกจ้างให้เป็นเงื่อนไขของ (1) อัตราเงินสมทบของนายจ้าง และ (2) สัดส่วนการรับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ (ตัวอย่างในตาราง) ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวทำให้ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกกองทุนเห็นว่า การทำงานกับนายจ้างนานขึ้นจะทำให้เงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของตนก้อนใหญ่ขึ้นนั่นเอง 


ตัวอย่าง นาย A อายุงาน 2 ปี หากนาย A ลาออกจากงานวันนี้ จะไม่ได้รับเงินสมทบจากนายจ้างเลย แต่ถ้านาย A ทำงานต่ออีก 1 ปี และลาออกตอนอายุงาน 3 ปี จะได้รับเงินสมทบเพิ่มขึ้นเป็น 7% และจะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบสัดส่วน 30% ของทั้งหมดที่มี

หากสมาชิกกองทุนรายใดซึ่งเป็นลูกจ้างที่มีศักยภาพในการทำงานดี ต้องการลาออกจากงาน นายจ้างสามารถพูดคุยกับลูกจ้างรายนั้นให้คำนึงถึงจำนวนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบที่จะได้รับจากกองทุนหากอยู่ทำงานต่อนานขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (win-win situation) โดยในอนาคตลูกจ้างได้เงินก้อนใหญ่ขึ้นและนายจ้างก็ยังคงรักษาลูกจ้างที่มีศักยภาพรายนั้นไว้ได้ โดยไม่เสียต้นทุนในการสรรหาและพัฒนาบุคลากรใหม่